O Ano em Que Meus Pais Saíram de Férias (original title) | Cao Hamburger | Brazil | 2006 April 21, 2012 ถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านี้เราคงชอ...

The Year My Parents Went on Vacation

O Ano em Que Meus Pais Saíram de Férias (original title) | Cao Hamburger | Brazil | 2006


April 21, 2012

ถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านี้เราคงชอบหนังเรื่องนี้มาก แต่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อะไรหลายอย่างสำหรับเราเปลี่ยนไป

วัยเด็ก เพื่อนและผู้คนแปลกๆ ประสบการณ์ตื่นเต้น ความฝัน แรงบันดาลใจ โลกอันเลวร้ายของผู้ใหญ่ที่รับรู้อย่างไม่เข้าใจ และการเปลี่ยนผ่านของช่วงวัย หนังมากมายหลายเรื่องเล่าเรื่องราวเหล่านี้ และเรามักจะหลงรักมันเสียทุกเรื่องอย่างไม่ยากเย็น

ตลกดีที่ตอนดู The Year My Parents Went on Vacation เรื่องนี้ เราดันนึกถึงประโยคหนึ่งจาก Scream 4 ประโยคนี้ซึ่งน่าจะเป็นส่วนดีที่สุดของหนังเรื่องนี้สำหรับเรากล่าวว่า "โศกนาฏกรรมของคนรุ่นเก่า มักจะกลายเป็นเรื่องขบขันของคนรุ่นต่อไป" My Parents ไม่ถึงขนาดปฏิบัติต่อ "โศกนาฏกรรม" ในช่วงเผด็จการของบราซิลเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1970 ในเชิงขบขัน แต่ทำมันให้อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งการหวนไห้หาอดีต เราไม่รู้ว่าหนังเจตนาที่จะเทน้ำหนักไปที่การหวนหาอดีตเพียงใด หรือปรารถนาจริงจังแค่ไหนที่จะทบทวนช่วงเวลาแห่งเผด็จการนั้น ขณะที่มันประสบความสำเร็จในส่วนแรก และสร้างความทรงจำความเข้าใจต่อความเลวร้ายได้อย่างเบาบางในส่วนหลัง เราไม่ค่อยพอใจ

ชั่วขณะหนึ่ง เราคิดขึ้นว่าถ้าปฏิบัติต่อโศกนาฏกรรมไปในเชิงขบขันเสียเลยอาจจะน่าพอใจกว่า เผื่อผลที่ได้จะรุนแรงแบบที่ Life is Beautiful (เบนิยี) เคยทำ

ความเลวร้ายที่เกิดขึ้น ใครบอกว่าควรจะปล่อยๆ มันไปและให้เวลาจัดการทุกสิ่ง

ชีวิตวัยเด็กกับโลกเลวร้ายของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะที่ให้น้ำหนักกับประเด็นทางการเมือง พร้อมๆ กับดูเรื่องนี้ เรานึกถึง Au Revoir Les Enfants (มาลล์) When Father Was Away on Business (คุสตูริก้า) หรือถ้าให้ที่ว่าด้วยประเทศที่ใกล้ๆ กับ My Parents หรือใกล้เราเข้ามาสักหน่อย อย่าง Machuca (อังเดรส์ วู้ด, ชิลี) Peppermint Candy (ลี ชาง ดง, เกาหลีใต้) เราได้ดูสองเรื่องหลังนี้ในช่วงเมื่อไม่นาน ในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองของไทยเดือดพล่าน ความโหดเหี้ยมทมิฬ ความตาย การสูญเสีย การแกล้งลืม หลอกตัวเอง กล่อมประสาทด้วยความศักดิ์สิทธิ์ปลอมๆ ฯลฯ หนังสองเรื่องนี้โจมตีเราอย่างถึงแก่น และมันกลายเป็นหนังที่ยากยิ่งจะลืม


0 comments: