Michael Corrente | USA | 2012 March 27, 2012 ไม่มีอะไรให้จดจำ เราเพียงงานยุ่งมากมายในช่วงนี้ กลับถึงบ้านแต่ละวันก็เพียงแค่อยากดูหนังสัก...
Loosies
March 27, 2012
ไม่มีอะไรให้จดจำ เราเพียงงานยุ่งมากมายในช่วงนี้ กลับถึงบ้านแต่ละวันก็เพียงแค่อยากดูหนังสักเรื่องก่อนนอน เอาแบบที่นอนดูและสามารถหลับไปได้โดยไม่นึกเสียดายหรืออาจต้องมาเปิดย้อนดูซ้ำในวันรุ่งขึ้น วันนี้ก็แค่เห็นหน้าปกรูปเฮียไมเคิล แมดสัน เราเคยชอบแกมากๆ ในหนังหลายเรื่องหลายปีก่อนหน้านี้ และไม่ได้ดูหนังแกนานแล้ว ก็แค่นั้นเอง
Giddens Ko | Taiwan | 2011 March 25, 2012 หนังที่ทำเงินถล่มทลายมากมายมหาศาลทั้งในไต้หวันและที่ฮ่องกง เรื่องราวที่อวลไปด้วยบรรยากาศไหนไห...
You Are the Apple of My Eye
March 25, 2012
หนังที่ทำเงินถล่มทลายมากมายมหาศาลทั้งในไต้หวันและที่ฮ่องกง เรื่องราวที่อวลไปด้วยบรรยากาศไหนไห้รำลึกถึงอดีต ท่วงทำนองอย่างที่มังงะญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งทำได้ดีและไม่มีอะไรเทียบทัน อะไรทำนองนี้ต้องยกให้ pop culture ฟากเอเชียตะวันออกที่สามารถทำได้ดีแบบที่โดนใจพวกเรา แน่นอนล่ะว่าเราก็ชอบหนังเรื่องนี้ แม้ว่าชีวิตมัธยม เด็กหนุ่มห่ามๆ รักแรก ความผิดพลาด หยาดน้ำตา อดีตที่ไม่หวนคืน ฯลฯ จะเป็นอะไรที่ถูกเล่าซ้ำใน pop culture (โดยเฉพาะจากญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกันมานานนม) กันมามากต่อมากแล้วก็ตาม
การหวนไห้ถึงอดีตในเรื่องนี้ขยับมาถึงทศวรรษ 1990 แล้วสิ ในช่วงระยะไม่นานนี้เราเห็นการหวนกลับไปรำลึกให้ค่าทศวรรษ 1980 ในหนังหลายเรื่อง แม้กระทั่งในหนังซีเรียสอย่าง The Wrestler (ฉากหนึ่งที่เราชอบมากๆ จากหนังเรื่องนี้คือตอนที่มิกกี้ รูร์กดิสเครดิตเคิร์ต โคเบน!) แป๊บเดียวก็มาถึงการหวนคิดถึงทศวรรษต่อมาแล้วหรือเนี่ย เวลาผ่านไปเร็วพร้อมๆ กับที่ภาวะหวนอดีตใน pop culture อึงอวลเห็นบ่อยครั้งเสียเหลือเกิน ลึกลงไปคงต้องตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับปัจจุบัน
Gavin Wiesen | USA | 2011 March 24, 2012 น่ารักดี เนื้อเรื่องและประเด็นก็ไม่มีอะไรมาก ประมาณว่าเด็กหนุ่มขวางโลกที่ริรักเพื่อนสาว อกหัก ...
The Art of Getting By
March 24, 2012
น่ารักดี เนื้อเรื่องและประเด็นก็ไม่มีอะไรมาก ประมาณว่าเด็กหนุ่มขวางโลกที่ริรักเพื่อนสาว อกหัก และรักดีหันมาเรียนให้จบ แล้วเธอคนนั้นก็กลับมา
อย่างไรก็ดี มีช่วงตอนที่เราชอบใจ คือเจ้าหนุ่มชวนสาวเจ้าไปดู Zazie dans le Métro ของหลุยส์ มาลล์ ไม่มีอะไรมากหรอก เราก็แค่ชอบหนังยียวนกวนใจเรื่องนั้นมากเท่านั้นเอง
Oliver Stone | USA | 2010 March 21, 2012 ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ และไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายมาตั้งแต่ต้น แค่อยากลองเปิดดูเพราะกำลังคิดอยากจะ...
Wall Street: Money Never Sleeps
Mibu gishi den (original title) | Yojiro Takita | Japan | 2003 March 20, 2012 เราเริ่มหลงใหลหนังญี่ปุ่นไม่ใช่เพราะปรมาจารย์อย่างโอสุ, ค...
When the Last Sword is Drawn
March 20, 2012
เราเริ่มหลงใหลหนังญี่ปุ่นไม่ใช่เพราะปรมาจารย์อย่างโอสุ, คุโรซาวะ, มิโซกุชิ, นารุเสะ, อิชิกาว่า, โคบายาชิ หรือโกชา (และแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เพราะเซจุน ซุซูกิ และทาเคชิ มิอิเกะ) แต่เพราะคุณปู่โยจิ ยามาดะเป็นสำคัญ
เราดู The Yellow Handkerchief - หนังที่เรารักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง - ทางทีวี และอีกหลายเรื่องของคุณปู่จากการจัดฉายโดยสถานทูตญี่ปุ่น รวมถึงโทร่าซัง และเมื่อราวจะสิบปีก่อนที่โรงภาพยนตร์ลิโด (น่าจะใช่นะ) คือเรื่อง The Twilight Samurai หนังเรื่องนี้ได้กลายเป็นหนังที่เรารักเป็นอย่างมาก ทั้งชื่นชมที่คุณปู่ยามาดะยังคงทำหนังไปตามสไตล์ของแก ไม่ต้องพลิกแพลง ไม่ต้องแอ็ค เพียงแต่เล่าเรื่องมันไปให้จบอย่างธรรมดาที่สุด หากแต่ภายใต้ความธรรมดานั้นคือสายตามองโลกอย่างเข้าใจ เรายิ่งเห็นความเยี่ยมยอดของ The Twilight Samurai เมื่อเปรียบเทียบกับ The Last Samurai ที่เฮียทอม ครูซแสดงและออกฉายไล่เลี่ยกัน มันว่าด้วยเรื่องราวแห่งการสิ้นสุดลงของยุคซามูไรเหมือนกัน แต่ด้วยการตีความและการแสดงให้เห็นถึงการเข้าใจชีวิตมนุษย์ที่ต่างและห่างชั้นกันเยอะ
เราเพิ่งเห็นว่า When the Last Sword is Drawn เรื่องนี้ก็เข้าฉายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับหนังสองเรื่องนั้นเช่นกัน และว่าด้วยประเด็นที่ไม่ต่างกันเลย (เกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้นกันนะ?) โยจิโร ทาคิตะ ผู้กำกับ The Last Sword ปัจจุบันนี้โด่งดังเป็นอย่างมากแล้วจาก Departures ซึ่งไปได้รางวัลออสการ์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยมเมื่อสามปีที่แล้ว เรายังไม่ได้ดู Departures แต่สำหรับ The Last Sword เราไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่เลย ตัวละครหลักของเรื่องเป็นซามูไรยากไร้เหมือนเซอิเบใน The Last Samurai ยอมให้คนอื่นดูถูกเพื่อให้ครอบครัวมีกิน นั่นก็เหมือนกัน แต่ในที่สุด ที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือการจรรโลงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งซามูไรที่หนังนำเสนอในช่วงท้ายๆ เรื่องอย่างยืดยาวแสนน่าเบื่อ หนังญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งมักมีอะไรทำนองนี้ การพร่ำเพ้อยาวนานให้เร้าอารมณ์กันให้ถึงที่สุด แต่หลายครั้งมันล้มเหลวและทำให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบแก่เรา แต่เอาล่ะ อย่างน้อยมันก็มีส่วนดีอยู่บ้าง ตรงที่ทำให้เรานึกถึงคุณปู่ยามาดะและหนังหลายเรื่องของแกขึ้นมาครามครัน
Aki Kaurismäki | Finland et al. | 2011 March 18, 2012 แน่นอนว่าคงจะเป็นหนึ่งในหนังที่เรารักมากที่สุดแห่งปี และคอริสมากิก็คงจะยังครองตำแ...
Le Havre
March 18, 2012
แน่นอนว่าคงจะเป็นหนึ่งในหนังที่เรารักมากที่สุดแห่งปี และคอริสมากิก็คงจะยังครองตำแหน่งหนึ่งในผู้กำกับฯ ที่มีชีวิตอยู่ที่เรารักมากที่สุดเช่นกัน เราห่างหายจากหนังของเขาไปพักใหญ่ Le Havre นำเอาความรู้สึกดีๆ ต่อหนังของเขากลับมาอีกครั้ง จนทำให้เราอยากรื้อเอาเรื่องที่เคยดูมาดูอีกรอบ และเสาะหางานยุคต้นของเขามาดูให้ได้
ท่วงทำนองและลีลาเดิมๆ ยังคงอยู่ ความทุกข์ยาก ขันขื่น ผู้คนเล็กๆ ยากไร้แต่จิตใจงดงาม ตลกร้ายแสบสันต์ และแน่นอนว่าต้องรวมถึง Kati Outinen ผู้ซึ่งหนังเรื่องนี้คือคำยืนยันว่าเธอควรขึ้นครองตำแหน่งราชินีของวงการภาพยนตร์โลกเสียที ประเทศไทยที่แสนจะอับจนสิ้นหวังแห่งนี้เคยทำสิ่งดีไว้อย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ คือการเคยให้รางวัลเธอเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว
ฉากจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ทำเราร้องไห้ยาวนาน เพราะมันอวลด้วยความรักอันเอ่อท้น และการบรรจบกันของทั้งความหวังและความเศร้า การได้มาและการสูญเสีย เราอยากอยู่ในอ้อมกอดใครสักคนและบอกเขาว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันให้นานที่สุด
Stephen Daldry | USA | 2011 March 17, 2012 หนังที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาค่อนข้างก้ำกึ่งระหว่างชื่นชอบกับชิงชัง เราติดอยู่ในกลุ่มแรก มากกว่...
Extremely Loud & Incredibly Close
March 17, 2012
หนังที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาค่อนข้างก้ำกึ่งระหว่างชื่นชอบกับชิงชัง เราติดอยู่ในกลุ่มแรก มากกว่านั้นคือมันอาจจะเป็นหนังที่ว่าด้วยผลพวงของเหตุการณ์ 9/11 ที่เราชอบมากที่สุด (แต่กระนั้นก็ยังนึกชื่อออกไม่ทั้งหมดในตอนนี้นะ)
เราค่อนข้างจะเห็นด้วยอยู่บ้างหากมีการวิจารณ์ว่าหนังจงใจที่จะบีบคั้นให้คนดูต้องน้ำตาซึม นั่นก็เพราะมีบางช่วงตอนที่เราน้ำตาซึม อาจจะเกินพอดีในการขับเน้นภาวะสับสนปั่นป่วนของเจ้าหนูออสการ์และการคลี่คลายเรื่องที่แสนจะง่ายดายเหลือเกิน แต่ต้องยอมรับฝีมือของสตีเฟน ดัลดรีที่กล้าจะเล่นในหลายๆ ช่วง ตอนที่สุ่มเสี่ยงอย่างมากคือฉากเจ้าหนูเปิดเผยความลับให้คุณปู่ผู้ไม่พูด การพล่ามระเบิดอารมณ์อันสับสน (เรานึกถึงฉากเอ็ดเวิร์ด นอร์สันพูดกับตัวเองในกระจกในเรื่อง 25th Hour ของสไปค์ ลี) ยืดยาวถาโถมมากพอจนทำให้เราค่อยๆ สงสัยตัวเองว่ามันจะนำไปสู่อารมณ์ใด จนท้ายที่สุดก็พบว่าตัวเองตื่นตระหนก นั่นแหละเป็นกรณีหนึ่งที่พาเราไปอยู่ฝั่งที่ชื่นชมหนังเรื่องนี้
Steven Spielberg | USA | 2011 March 15, 2012 สปีลเบิร์กยังคงเห่ยได้สม่ำเสมอสำหรับเรา เรารู้ตัวเองดีว่าเป็นคนที่ดูหนังเพื่อความบันเทิงล้...
War Horse
March 15, 2012
สปีลเบิร์กยังคงเห่ยได้สม่ำเสมอสำหรับเรา เรารู้ตัวเองดีว่าเป็นคนที่ดูหนังเพื่อความบันเทิงล้วนๆ ก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะสร้างความบันเทิงใจให้สักหน่อย แต่กลายเป็นว่ามันช่างน่าเบื่อเป็นอย่างมากเสียจริง ทั้งน่าเบื่อและน่ารำคาญ เราว่าอาจเป็นเพราะเราเอียนกับการเทศนาโชว์เหนือด้วยคำพูดหรูๆ เต็มเปี่ยมด้วยอัจฉริยภาพและการรู้จักโลก เหล่านี้ที่แพร่กระจายอยู่ในสังคมไทยตอนนี้กระมัง ตัวละครทั้งหลายแหล่ในหนังเรื่องนี้ที่แต่ละคำพูดล้วนแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้เจนจัดในการเรียนรู้ความหมายของชีวิต มีแต่จะทำให้เราเบือนหน้าหนี ใครสามารถทนคำพูดของเอมิลี วัตสันที่เหมือนอ่านคาลิล ยิบรานแทนที่จะทำงานบ้านและงานหนักหน่วงในไร่นั้นได้บ้างนะ?
Luftslottet som sprängdes (original title) | Daniel Alfredson | Sweden et al., 2009) March 11, 2012 จบเสียที มิกาเอล บลอมก์วิสท์ขยับมาเป...
The Girl Who Kicked the Hornet's Nest
March 11, 2012
จบเสียที มิกาเอล บลอมก์วิสท์ขยับมาเป็นตัวเดินเรื่องสำคัญ เมื่อต้องดำเนินการสืบสวนและไขปริศนาต่างๆ ขณะที่ซาแลนเดอร์ถูกจองจำและกำลังขึ้นสู่การพิพากษาของศาล รายละเอียดและตัวละครมันเยอะจนจำแทบไม่หมด แต่ดูเหมือนว่าหนังจะจัดการได้ดีพอสมควร ไม่ถึงขนาดต้องแทงเก๋ทำให้เท่ห์คลุมเครือแบบหนังสายลับฮอลลีวู้ดยุคหลังๆ เดี๋ยวรอดูเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดเถอะ จะต้องตัดฉึบฉับจนงงแหลกกันแหละ
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ติดใจอะไรกับหนังชุดนี้มากมาย อย่างที่ว่า เสียดายที่ไม่ได้ลุยอ่านนิยายให้จบ
Flickan som lekte med elden (original title) | Daniel Alfredson | Sweden et al., 2009) March 11, 2012 กลับมาที่เวอร์ชั่นยุโรป เราเลือกท...
The Girl Who Played with Fire
March 11, 2012
กลับมาที่เวอร์ชั่นยุโรป เราเลือกที่จะรอและดูเวอร์ชั่น Extended ที่ยาวร่วมสามชั่วโมง คงเพราะความเร้าใจที่มีมาตั้งแต่นวนิยายแล้วที่ทำให้เรื่องชวนติดตาม ภาคนี้ (และรวมถึงภาคต่อไป) ได้กลายเป็นเรื่องราว Conspiracy ไปเสียแล้ว ตระกูลแวงเกอร์เมื่อตอนภาคหนึ่งก็หายไปจนคล้ายเป็นนิยายคนละเรื่อง บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อภาคหนึ่งผูกโยงมาถึงภาคนี้ ชอบที่ตัวละครเอกทั้งสองไม่เจอกันเลยตลอดทั้งเรื่องจนมาถึงซีเควนซ์สุดท้าย ก็ดี ชวนให้ติดตามต่อไปจนถึงตอนจบ
David Fincher | USA et al. | 2011 March 10, 2012 ดูเวอร์ชั่นยุโรปเมื่อปีที่แล้ว ก็สนุกดีแต่ก็ไม่ได้เป็นที่ต้องจดจำอะไรมาก ก็เลยไม่ได้ดู...
The Girl with the Dragon Tattoo
March 10, 2012
ดูเวอร์ชั่นยุโรปเมื่อปีที่แล้ว ก็สนุกดีแต่ก็ไม่ได้เป็นที่ต้องจดจำอะไรมาก ก็เลยไม่ได้ดูภาคสองและภาคสามต่อ วันนี้ได้ฉบับฮอลลีวู้ดมา ว่างๆ เพลียๆ เลยขอดูสักหน่อยละกันเพราะได้ยินเสียงยกย่องมาอยู่พอสมควร และวางแผนว่าจะดูภาคต่อของเวอร์ชั่นยุโรปต่อไปเลย
เวอร์ชั่นอเมริกันก็สนุกดีพอควรเช่นกัน และก็อย่างการรีเมกใหม่ทั่วไปให้เป็นอเมริกัน อะไรบางอย่างถูกเพิ่มเข้ามาให้ผู้ชมสะสามากขึ้น พระเอกหล่อขึ้น หนุ่มขึ้น มีแง่มุมความรัก-แอบพึงใจระหว่างสองตัวละครเอกเพิ่มเติม และซาแลนเดอร์ในเวอร์ชั่นนี้จึงดูเป็น "ผู้หญิง" มากขึ้น
เราเสียดายอยู่เหมือนกันที่ตัวเองอ่านนิยายเรื่องนี้ไม่จบ เพื่อนคนหนึ่งแนะนำกึ่งบังคับให้ซื้อมาอ่านตั้งแต่ตอนก่อนจะมีการสร้างเป็นหนัง เราซื้ออ่านระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศหนหนึ่ง ต้องยอมรับว่าอ่านสนุก ติดหนึบ และมีรสชาติแปลกแปร่ง โดยเฉพาะต่อเสน่ห์ของซาแลนเดอร์ พอจบการเดินทางและกลับมาเมืองไทย งานกองพะเนินที่รออยู่ทำให้เราต้องวางนิยายแกร่วไว้อย่างช่วยไม่ได้ พยายามกลับมาอ่านต่ออีกสองสามครั้งแต่ก็ได้แค่นิดๆ หน่อยๆ แม้ว่าจะอ่านไม่จบแต่ก็รู้สึกเช่นเดียวกับนิยายที่ดัดแปลงเป็นหนังหลายต่อหลายเรื่อง อะไรบางอย่างในนวนิยายก่อให้เกิดเสน่ห์จากความคลุมเครือต้องจินตนาการ หายไปเมื่อกลายเป็นภาพยนตร์
Komissar (original title) | Aleksandr Askoldov | Soviet Union | 1967 (released in 1988) March 6, 2012 คุณพระช่วย! ผ่านไปหนึ่งวันเต็ม หล...
The Commissar
March 6, 2012
คุณพระช่วย! ผ่านไปหนึ่งวันเต็ม หลายภาพหลายตอนจากหนังเรื่องนี้ยังคงติดตา เรื่องราวยังคงทำให้เราเก็บคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคงไม่แคล้วเป็นหนึ่งในหนังที่เราจดจำอยากเอ่ยถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เราซื้อแผ่นหนังเรื่องนี้มาจากประเทศสังคมนิยมประเทศหนึ่งเมื่อราวสองปีที่ผ่านมา เก็บดองไว้นาน มาถึงวันนี้ที่ดูจบ แล้วให้นึกว่าตลกดีที่เราหาซื้อมันมาจากที่นั่น หนังเรื่องนี้สร้างเมื่อปี 1967 แต่ด้วยเนื้อหาที่หาได้เชิดชูวีรบุรุษและพรรคฯ หน่วยงานเซ็นเซอร์ของโซเวียตตัดสินให้ทำลายภาพยนตร์ ผู้กำกับถูกสั่งห้ามเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์อีกต่อไป โชคดีที่ฟิล์มยังเหลือรอด แม้ว่าที่เก็บของมันจะเป็นที่คลังของเคจีบีก็ตาม ราว 20 ปีต่อมา เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเปลี่ยน มีการเริ่มเปิดประเทศ และค่ายคอมมิวนิสต์ดูเหมือนว่ากำลังจะล่มสลาย ผู้กำกับได้ทำการอุทธรณ์ขอฟิล์มคืนและได้รับการอนุมัติ มีการบูรณะ ปรับปรุง และมิกซ์เสียงใหม่ โลกจึงได้สัมผัสภาพยนตร์ที่เราคิดว่าดีเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่ง เราได้มันมาอย่างงงๆ จากประเทศสังคมนิยมที่เริ่มก้าวไปสู่การเป็นมหาอำนาจใหม่ตามมาตรฐานของทุนนิยมหลังการเปิดประเทศกว่าสองทศวรรษเช่นเดียวกัน
เรื่องราวว่าด้วยหญิงสาววัยเกือบกลางคนผู้ถือตำแหน่งระดับหัวหน้าหน่วยของกองกำลังหนึ่งของ "ฝ่ายแดง" ในช่วงสงครามกลางเมืองของรัสเซีย เธอพบว่าตัวเองได้ตั้งครรภ์อย่างไม่ตั้งใจและมันสายเกินกว่าที่จะทำแท้งเอาเด็กออก หัวหน้าตัดสินใจให้เธอแยกออกจากหน่วย และบังคับฝากฝังเธอไว้กับครอบครัวชาวยิวที่หัวหน้าครอบครัวเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคฯ แต่ก็เช่นเดียวกับตัวละครบางตัวที่เราเห็นในเรื่อง (และอาจจำนวนมากในโลกแห่งความเป็นจริง) ที่เลือกจะละทิ้งพรรคฯ และอุดมการณ์เพื่อใช้ชีวิตกับคนรักหรือครอบครัวที่ตนต้องคอยดูแลพิทักษ์รักษา ในช่วงเวลาที่การสัประยุทธ์ของแต่ละฝ่ายลงเอยที่การล่มสลายของคนธรรมดา
เริ่มต้นด้วยความกระด้างเย็นชาและแยกตัว Vavilova ให้กำเนิดบุตรและค่อยๆ กลายเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวชาวยิวที่ตนไปอาศัยด้วย เผยสัญชาติญาณแห่งความเป็นแม่และโลกของครอบครัวอันห่างไกลจากสงคราม แต่แล้ววันหนึ่งสงครามก็หวนกลับคืนมาสู่ตัวเธอและครอบครัวใหม่ สหาย "ฝ่ายแดง" มาเยือน เริ่มจากการกวดไล่ กระสุน และลงเอยที่การชักชวนเธอกลับร่วมรบ เธอเริ่มต้นด้วยหวาดผวา ก่อนจะกลับมาสู่ความกร้าวด้านเช่นอดีต แต่ครานี้ด้วยเป้าหมายในการปกป้องลูกน้อย สหายจากไป ทุกคนรู้ดีว่าอีกไม่กี่วันอีกฝ่ายจะมาถึงและนั่นจะเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับทุกคน ครอบครัวชาวยิวเต้นรำให้กับชะตากรรมของตน เธอให้ความหวังกับพวกเค้าว่าวันหนึ่งวันนั้นที่ชนชั้นกรรมาชีพที่ถูกกดขี่รวมพลังกัน ชัยชนะจะเป็นของพวกเรา แต่เกิดนิมิตแก่เธอว่าชะตากรรมของชาวยิวจะลงเอยเช่นไรต่อไป เธอเลือกที่จะทิ้งลูกไว้กับครอบครัวนั้น และหวนคืนสู่สงคราม
นอกเหนือจากเรื่องราวที่เล่าขานถึงชะตากรรมของมนุษย์อย่างถึงแก่น ภาพยนตร์เต็มเปี่ยมด้วยฉากและภาพที่ทรงพลังไม่อาจลืมลง หลายซีเควนซ์กรุ่นด้วยภาพฝันและความเหนือจริง ซึ่งล้วนสะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์และอัจฉริยภาพของทั้งผู้กำกับ ตากล้อง และผู้ทำดนตรีประกอบ แต่ละช่วงตอนเหล่านั้นแทบทำให้ลืมหายใจ - ท่ามกลางความน่าตื่นใจและมีประสิทธิภาพเหล่านั้น ยากที่จะลืมภาพฝัน-ทรงจำในซีเควนซ์ให้กำเนิดบุตร ฝูงม้าศึกที่ห้อตะบึง ฉากวิวาห์ที่เต็มไปด้วยมายา การจำลองสงครามในการละเล่นที่เหี้ยมเกรียมของเด็กๆ การเต้นรำเยาะเย้ยชะตากรรม ค่ำคืนกล่อมลูกและโศลกของชีวิตที่ผุพัง กระทั่งถึงฉากจบเรื่องที่ตรึงตา
เรานึกถึง ดอกเตอร์ชิวาโก ของปาสเตอร์เน็กอยู่บ้างบางครั้งขณะดูหนังเรื่องนี้ มันว่าด้วยประเด็นที่ใกล้เคียงกัน และทั้งชะตากรรมของหนังสือและหนังเรื่องนี้ก็คล้ายคลึงกัน หลายครั้งหลายหนที่กล้องจงใจเน้นจับเทียนไขที่โลมไล้แสงทาบทอบนหน้าต่าง เราพยายามหาบทกวี "ชิ้นนั้น" ของ "ดอกเตอร์ชิวาโก" แต่หนังสือไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว นวนิยายเล่มนั้นเป็นหนังสือในดวงใจ และหนังเรื่องนี้คงเข้าเป็นหนึ่งในดวงใจได้ไม่ยากเย็น
Alexander Payne | USA | 2011 March 5, 2012 หนังเพื่อความสุขและความบันเทิง สนุก อบอุ่น จอร์จ คลูนี่ย์ยังคงดูดีอยู่เสมอ เด็กๆ น่ารักพองาม...
The Descendants
March 5, 2012
หนังเพื่อความสุขและความบันเทิง สนุก อบอุ่น จอร์จ คลูนี่ย์ยังคงดูดีอยู่เสมอ เด็กๆ น่ารักพองาม สองปมเดินขนานกันในเรื่อง ระหว่าง 1) การหาความจริงเรื่องชู้รักของภรรยาผู้ซึ่งประสบอุบัติเหตุกำลังรอความตาย พร้อมๆ กับการที่สมาชิกในครอบครัวค้นหาความรู้สึกของตนเองต่อภรรยาและแม่ กับ 2) การจะขายหรือเก็บรักษาที่ดินผืนงามของบรรพบุรุษ
สองประเด็นเกี่ยวโยงกัน ส่งต่อการเปรียบเปรยและสัญลักษณ์เทียบเคียงระหว่างกัน แต่เป้าหมายสูงสุดคือตอบคำถามต่อประเด็นปัญหาที่หนังอเมริกันเป็นร้อยๆ เรื่องในระยะร่วมสมัยของเรานี้มุ่งสู่ คือ ประเด็นปัญหาเรื่องครอบครัว
ก็นั่นแหละ มันว่าด้วยเรื่องเดิมๆ ปมประจำ หนทางของตัวละคร การคลี่คลายเรื่อง และตอนจบที่พอเดาได้ไม่ยาก ความอบอุ่นและลากพาไปสู่การชวนประทับใจจะทำให้จดจำได้ยาวนานเท่าใดกัน?
Stazione Termini (original title) | Vittorio De Sica | Italy, USA | 1953 March 1, 2012 เมื่อเห็นชื่อทรูแมน คาโพตีมีส่วนร่วมในหนังเรื่อง...
Terminal Station
March 1, 2012
เมื่อเห็นชื่อทรูแมน คาโพตีมีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ (ในฐานะคนเขียนไดอาล็อกของตัวละคร) เราดูมันอย่างเคร่งเครียดมากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับขนาดเพ่งพินิจเอาเป็นเอาตายหรอกนะ ไม่ใช่นิสัยและเรามักทำอย่างนั้นได้ไม่นาน พอจะสังเกตเห็นว่าหนังไม่ได้ปล่อยเรื่อยแบบเรียลไทม์เพียงเฉยๆ สองตัวละครเอกใช้เวลาชั่วโมงกว่าในชานชาลาสถานีรถไฟแห่งกรุงโรม ช่วงเวลาแห่งการคร่าวรอขบวนรถไฟของเธอ ทั้งสองซึ่งเพิ่งตกหลุมรักกันไม่นานพยายามตัดสินใจและหาทางออกว่าเธอจะจากไปและหวนคืนสู่ครอบครัวซึ่งสามีกับลูกสาวกำลังเฝ้ารอ หรือเธอจะตัดสินใจอยู่เพื่อความรักแท้ที่เพิ่งก่อตัว หลายต่อหลายครั้งที่หนังจงใจให้เห็นว่ากำลังขับเน้นความหวามไหวให้กลายเป็นประเด็นทางศีลธรรมที่หนักหน่วงซ่อนอยู่เบื้องหลัง แม้เธอจะเป็นอเมริกัน แต่เขาก็หาได้เป็นคนท้องถิ่นทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉากหลังฉากเดียวของเรื่องที่เป็นสถานีรถไฟจึงคล้ายเป็นสถานที่แห่งการผจญภัยไปในดินแดนแปลกหน้า ชายหนุ่มหญิงสาวภายใต้สายตาของเหล่าเทพเจ้ารูปประดับในอาคาร และการถูกกล่าวหาในกรณีอันเกี่ยวพันกับศีลธรรมทางเพศ หนังพอจะมีอะไรไม่น้อยให้คุยต่อ
รู้มาว่านี่เป็นหนึ่งในหนังที่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอยู่ไม่น้อย เดอ สิกาผู้โด่งดังได้ถูกดึงตัวมาสู่ฮอลลีวู้ด หนังเรื่องนี้เสร็จสิ้นแต่ไม่เป็นที่พอใจนักของโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันผู้โด่งดัง-เดวิด เซลซ์นิค มันจึงนำมาสู่การตัดต่อใหม่โดยไม่ได้ปรึกษาผู้กำกับฯ กลายเป็นสองเวอร์ชั่นที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เสียงตอบรับที่ดีสักเท่าไหร่ ในแผ่นที่เราได้มามีทั้งสองเวอร์ชั่น แต่เลือกที่จะดูเวอร์ชั่นของเดอ สิกาก่อน ซึ่งก็พบว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย ออกจะเป็นหนังที่ดีเสียด้วยซ้ำ โรแมนติกและหวามไหวใจเหลือเกิน อ่ะ อย่างน้อยมอนต์โกเมอรี่ คลิฟท์ก็ยืนยันกับเราว่าพระเอกหนังเดี๋ยวนี้ไม่สามารถทำให้ใจหลอมละลายได้เลย
อีกประเด็นที่ฉุกใจ แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะห่างออกมาหน่อย แต่เราเห็นหนังหลังสงครามอีกเรื่องหนึ่งแล้วที่ว่าด้วยการต้องเลือกของหญิงสาวระหว่างความรักที่เพิ่งก่อเกิดอย่างรุนแรงและครอบครัว ที่ขึ้นทำเนียบคลาสสิคและเราได้ดูแล้ว คือเรื่อง Brief Encounter (1945) และหนังที่สุดในดวงใจของเรา - Spring in a Small Town (1948) มันคงจะมีเรื่องอื่นอีกแหละที่ว่าด้วยเรื่องราวทำนองนี้ แต่สามเรื่องนี้เท่าที่เราได้ดู ผู้หญิงเลือกครอบครัวหมดเลยอ่ะ น่าคิดนะว่าความเชื่อใดที่ทำให้บทหนังเลือกที่จะให้หญิงสาวยอมไม่เลือกผู้ชายอย่างมอนตี้ มันค่อนข้างเหลือเชื่อเกินไปล่ะมั้งคุณพี่!
0 comments:
Post a Comment