Mibu gishi den (original title) | Yojiro Takita | Japan | 2003 March 20, 2012 เราเริ่มหลงใหลหนังญี่ปุ่นไม่ใช่เพราะปรมาจารย์อย่างโอสุ, ค...

When the Last Sword is Drawn

Mibu gishi den (original title) | Yojiro Takita | Japan | 2003


March 20, 2012

เราเริ่มหลงใหลหนังญี่ปุ่นไม่ใช่เพราะปรมาจารย์อย่างโอสุ, คุโรซาวะ, มิโซกุชิ, นารุเสะ, อิชิกาว่า, โคบายาชิ หรือโกชา (และแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เพราะเซจุน ซุซูกิ และทาเคชิ มิอิเกะ) แต่เพราะคุณปู่โยจิ ยามาดะเป็นสำคัญ

เราดู The Yellow Handkerchief - หนังที่เรารักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง - ทางทีวี และอีกหลายเรื่องของคุณปู่จากการจัดฉายโดยสถานทูตญี่ปุ่น รวมถึงโทร่าซัง และเมื่อราวจะสิบปีก่อนที่โรงภาพยนตร์ลิโด (น่าจะใช่นะ) คือเรื่อง The Twilight Samurai หนังเรื่องนี้ได้กลายเป็นหนังที่เรารักเป็นอย่างมาก ทั้งชื่นชมที่คุณปู่ยามาดะยังคงทำหนังไปตามสไตล์ของแก ไม่ต้องพลิกแพลง ไม่ต้องแอ็ค เพียงแต่เล่าเรื่องมันไปให้จบอย่างธรรมดาที่สุด หากแต่ภายใต้ความธรรมดานั้นคือสายตามองโลกอย่างเข้าใจ เรายิ่งเห็นความเยี่ยมยอดของ The Twilight Samurai เมื่อเปรียบเทียบกับ The Last Samurai ที่เฮียทอม ครูซแสดงและออกฉายไล่เลี่ยกัน มันว่าด้วยเรื่องราวแห่งการสิ้นสุดลงของยุคซามูไรเหมือนกัน แต่ด้วยการตีความและการแสดงให้เห็นถึงการเข้าใจชีวิตมนุษย์ที่ต่างและห่างชั้นกันเยอะ

เราเพิ่งเห็นว่า When the Last Sword is Drawn เรื่องนี้ก็เข้าฉายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับหนังสองเรื่องนั้นเช่นกัน และว่าด้วยประเด็นที่ไม่ต่างกันเลย (เกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้นกันนะ?) โยจิโร ทาคิตะ ผู้กำกับ The Last Sword ปัจจุบันนี้โด่งดังเป็นอย่างมากแล้วจาก Departures ซึ่งไปได้รางวัลออสการ์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยมเมื่อสามปีที่แล้ว เรายังไม่ได้ดู Departures แต่สำหรับ The Last Sword เราไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่เลย ตัวละครหลักของเรื่องเป็นซามูไรยากไร้เหมือนเซอิเบใน The Last Samurai ยอมให้คนอื่นดูถูกเพื่อให้ครอบครัวมีกิน นั่นก็เหมือนกัน แต่ในที่สุด ที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือการจรรโลงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งซามูไรที่หนังนำเสนอในช่วงท้ายๆ เรื่องอย่างยืดยาวแสนน่าเบื่อ หนังญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งมักมีอะไรทำนองนี้ การพร่ำเพ้อยาวนานให้เร้าอารมณ์กันให้ถึงที่สุด แต่หลายครั้งมันล้มเหลวและทำให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบแก่เรา แต่เอาล่ะ อย่างน้อยมันก็มีส่วนดีอยู่บ้าง ตรงที่ทำให้เรานึกถึงคุณปู่ยามาดะและหนังหลายเรื่องของแกขึ้นมาครามครัน

0 comments: