aka L'amico di famiglia (original title) | Paolo Sorrentino | Italy, France | 2006 January 5, 2012 เรามีหนังของ Paolo Sorrentino สอ...

The Family Friend

aka L'amico di famiglia (original title) | Paolo Sorrentino | Italy, France | 2006


January 5, 2012

เรามีหนังของ Paolo Sorrentino สองเรื่องมาดองไว้นานแล้ว ได้เคยอ่านเจอเสียงร่ำลือถึงหนังเรื่อง The Consequences of Love (2004) ของเขา แต่เราไม่เคยซื้อหามาดูได้ ได้อีกสองเรื่องมาเก็บไว้แทน วันนี้ลองหยิบเรื่องนี้มาดูดีกว่า

The Family Friend เล่าเรื่องราวชีวิตของคนจำนวนหนึ่งในซอกมุม-ชุมชนหนึ่งในเมืองใหญ่ของอิตาลี ศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่ชายวัยทองหน้าตาจัดว่าอัปลักษณ์ชื่อ เจเรเมีย หน้าตาว่าอัปลักษ์แล้วดูเหมือนว่านิสัยของเขาจะน่าเกลียดเสียยิ่งกว่า เจเรเมียอาศัยอยู่ในห้องพักทึบทึมอุดอู้ร่วมกับแม่ขี้โรคที่นอนแบ่บอยู่กับเตียง บังหน้าคืออาชีพช่างตัดเสื้อ แต่ทุกคนรู้ดีว่าเจเรเมียนั้นเป็นนายทุนเงินกู้ให้เก็บผู้คนในละแวก เขาขี้เหนียว เขี้ยว เลือดเย็นกับลูกหนี้ที่เบี้ยวหนี้หรือหาเงินมาจ่ายให้ตามเวลาไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ หลายต่อหลายครั้งที่คนเราไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องขอพึ่งพาคนแบบนี้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

เกินครึ่งเรื่องที่เราได้เห็นว่าเจเรเมียน่ารังเกียจขนาดไหน ว่าเขาใช้ "ลูกน้อง" ให้จัดการลูกหนี้อย่างไร เขาแสร้งพูดแกล้งทำว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่ทั้งหมดนั้นล้วนคือการเสแสร้ง เขาหาเศษหาเลยกับหญิงสาวที่ไร้ทางออก พูดจาเสียดแทงกับชายคนเดียวซึ่งใกล้ชิดและน่าจะเป็นเพื่อนคนเดียวของเขา แต่ขณะเดียวกันเราก็เริ่มรู้สึกว่าหมอนี่น่าสงสาร น่าสงสารเพราะความโดดเดี่ยวในชีวิตที่เขาสร้างขึ้นเอง

บางสิ่งบางอย่างเริ่มเปลี่ยนเมื่อเจเรเมียได้ปล่อยกู้ให้กับครอบครัวหนึ่งซึ่งต้องการกู้เงินไปใช้ในงานแต่งงานของลูกสาว เธอเป็นสาวสวย พ่อแม่ต้องการทุ่มทุกอย่างเพื่อให้งานแต่งงานของลูกเลิศหรู กระทั่งในวันแต่งงาน เมื่อเธอรู้ความจริงเรื่องเงินที่หยิบยืมมา เจเรเมียอาศัยเหตุนี้ในการบีบบังคับให้หญิงสาวรุ่นคราวลูกยอมพลีกายให้ เธอร้องไห้ในตอนเข้าพิธี เจเรเมียสะท้อนใจเมื่อแอบมองอยู่ห่างๆ และเห็นน้ำตาของเธอ แล้วหลังจากนั้นชายอัปลักษณ์คนนี้ได้เริ่มเกิดความรักต่อเธอ

ความรักทำให้เขาเริ่มอ่อนแอ ทำลายหนทางและวิธีการที่เขาเคยยึดมั่นมาตลอด ในท้ายที่สุดมันได้นำไปสู่การตัดสินใจอันผิดพลาด และบทสรุปอันก่อให้เกิดอารมณ์อันหลากหลายในตอนท้ายเรื่อง

เราค่อนข้างรู้สึกเบื่อๆ อยู่บ้างในช่วงต้นๆ จนเกือบถึงกลางเรื่อง ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันที่ระยะหลังๆ ที่เรามักรู้สึกเอียนๆ กับหนังที่โชว์เก๋และเลือกใช้เพลงเท่ๆ แต่หลังจากนั้นเมื่อหนังเริ่มเปิดเผยให้เห็นแง่มุมอื่นที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวละครแต่ละตัว เราก็เริ่มจมดิ่งลงไปกับหนัง ปมเรื่องทำนองนี้มีหนังหลายเรื่อง หนังสือหลายเล่มได้นำเสนอมาก่อนแล้ว เรารู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งใหม่แต่อย่างไร แต่ก็นั่นแหละ ชะตากรรมของมนุษย์มันก็อาจจะซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนี้ ที่เราชอบหนังเรื่องนี้เพราะตัวเองรู้สึกชาไปไม่น้อยที่หนังจบโดยไม่ฟูมฟายกับตัวละครใดเลย ทุกคนโดดเดี่ยวพอๆ กัน ต่างดิ้นรนไขว่คว้าหาอะไรบางอย่างของตน แล้วก็ทำร้ายกันเองเพื่อที่แต่ละคนจะกลับไปโดดเดี่ยวดังเดิม

เราชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้มาก มากจนตัวเองยังไม่อยากปิดหนัง เลยลองเปิดดูของแถมที่มากับดีวีดีต่ออีกสักหน่อย แล้วได้พบความจริงพร้อมกับยืนยันกับตัวเองว่า ไอ้ของแถมทั้งหลายที่หลายคนบอกว่ามันทำให้ดีวีดีคุ้มค่านั้น แท้ที่จริงแล้วมันเป็นส่วนเกินจริงๆ เราหมดอารมณ์ไปเลย โดยเฉพาะเมื่อลองเปิดดูฉากจบแบบอื่นๆ ที่ผู้กำกับทำไว้สำหรับเลือก เพราะตอนจบที่ไม่ได้ใช้บางตอนมันเปิดเผยว่าพวกเขาได้กำหนดทางออกให้ตัวละครบางตัวเป็นอย่างไร มันทำลายจินตนาการบางเรื่องของเราเสียสิ้น ต่อไปจะไม่เปิดดูไอ้พวกของแถมเหล่านี้อีกแล้วเจ้าค่ะ

0 comments: