Jacques Audiard | France, Italy | 2009
January 12, 2012
ไม่มีอะไรมากหรอกที่หยิบหนังเรื่องนี้ขึ้นมาดู เพียงเพราะว่าเราวางมันไว้ใกล้กับ The Secret in Their Eyes ที่เพิ่งดูเมื่อวันก่อนโน้น หยิบมาพร้อมกันแล้ววางไว้หน้าเครื่องเล่น จำไม่ค่อยได้ชัดแล้วเหมือนกันว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงวางมันไว้ใกล้กัน อาจจะเพราะเคยเป็นหนังที่ออกตระเวนฉายไล่เลี่ยกัน และผลัดกันกวาดรางวัลที่โน่นที่นี่ - กับอีกเรื่องหนึ่งคือ The White Ribbon ของท่านพ่อฮาเนเก้ ตัวอย่างการวนรางวัลกันในเทศกาลใหญ่ที่ทั้งสามเรื่องเข้ารอบประชันกันก็เช่น Prophet ได้รางวัลที่บาฟตา Secret ไปได้ออสการ์ ส่วนปาล์มทองที่คานส์ตกเป็นของ Ribbon นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ที่จริงเราเริ่มดูตั้งแต่เมื่อคืนวาน เหนื่อยจากงานด้วยกระมังจึงทำให้รู้สึกค่อนข้างล้า ความยาวของหนังแค่สองชั่วโมงนิดๆ แต่ตอนนั้นรู้สึกล้าเกิน ไม่ไหวแล้วจึงขอพักและไปนอน หรืออาจเป็นเพราะมันเป็นหนังของผู้ชายเกินไปซึ่งทำให้เราไม่ได้อินมากจนถึงขั้นหยุดพักดูไม่ได้
คืนนี้เลยมาต่อให้จบ เออแฮะ ที่จริงถ้าเมื่อคืนวานเราอดทนผ่านครึ่งเรื่องก็อาจจะหยุดดูไม่ได้เหมือนกัน เพราะทันทีที่หนังเข้าครึ่งหลังซึ่งทำให้พอเห็นแล้วว่าหนังจะพาเราไปเป็นพยานกับหนทางชีวิตแบบใดของตัวละคร ความเข้มข้นไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงฉากจบที่ต้องผ่อนลมหายใจยาวๆ (โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเปรียบเทียบตัวละครเดียวกันที่เราเห็นในตอนต้นเรื่อง)
หนังยืดยาวและมีหลายรายละเอียดยิบย่อยเป็นจำนวนมาก แต่ละรายละเอียดสามารถนั่งคุยขยายความได้ต่อเนื่องเป็นวันๆ ตลอดเรื่องที่ดู เรามักจะจับตาและเผลออยากนึกถึงประเด็นอาหรับ-มุสลิมอยู่เป็นระยะๆ หลายฉากหลายตอนที่อดคิดไม่ได้ว่าไม่มีทางจะเห็นในหนังของประเทศมุสลิม แม้กระทั่งในไทย (ฉากวางระเบิดสถานีรถไฟในหนังเรื่อง โอเคเบตง ไม่มีทางที่จะทำได้แล้วในวันนี้) หลายฉากที่น่าจะนำมาสู่การก่อม็อบประท้วงได้ง่ายๆ แต่แปลกมากที่พอถึงตอนหนังจบ เรากลับรู้สึกว่าฉากที่อาจกวนใจมุสลิมได้เลือนหายไปหมด และหนังกลับให้ความรู้สึกถึงความสมานฉันท์ระหว่างคนต่างชาติต่างศาสนาไม่น้อยเลย - ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมและอะไรที่ทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้
อีกเรื่องที่นึกขำตัวเองก็คือ ไม่น้อยกว่าสามครั้งที่ดูหนังเรื่องนี้ที่เราเผลอนึกขึ้นมาว่า The Godfather ที่ว่าคลาสสิคนักหนาและวางอยู่บนหิ้งของหนังมาเฟียนั้น มันดูเรียบร้อยและเสแสร้งจนน่ารำคาญเสียจริง! เปรียบเทียบได้สิ อย่างน้อยในมุมที่มันพูดถึงใครคนหนึ่งคนนั้นที่ก้าวขึ้นมาเป็นมาเฟียตัวเอ้ Prophet ก็ว่าด้วยประเด็นนี้ แต่ด้วยหนทางที่ทุลักทุเล หวาดกลัว คับแค้น ใจสู้ เป็นจริงเป็นจัง บ้านๆ จนคล้ายจะสัมผัสจับต้องได้
Prophet - Secret - Ribbon เราชอบมากทั้งสามเรื่องนะ ในเมื่อเริ่มต้นโดยการยกมาเปรียบเทียบกัน ถ้าจะให้เราเองเป็นคนตัดสิน เรายกให้ The White Ribbon
Prophet มีหลายอย่างให้รู้สึกรุงรังอยู่บ้าง Secret สมบูรณ์แบบและเนี๊ยบจนเกินไปสำหรับเรามันทำให้เราระแวง (ในกรณีของหนังเรื่องนี้นะ บางเรื่องที่สมบูรณ์แบบอาจไม่รู้สึกแบบนี้)ขณะที่ Ribbon เรายังคงหวั่นผวามาจนถึงบัดนี้ทุกคราที่นึกถึงมัน หนังเรียบๆ เฉยๆ เรื่องนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าหนังสยองขวัญ อาจเพราะตอนเราดูมันเมื่อปีที่แล้ว มันทำให้เรานึกเห็นความเลวร้ายสยองที่ซ่อนอยู่สังคมไทย ภายใต้ความสมานฉันท์ ยิ้มร่า ซาบซึ้งยินดี นั่นคือบรรยากาศก่อนการสังหารใหญ่จะเกิด
Jacques Audiard | France, Italy | 2009 January 12, 2012 ไม่มีอะไรมากหรอกที่หยิบหนังเรื่องนี้ขึ้นมาดู เพียงเพราะว่าเราวางมันไว้ใกล้กับ T...
About author: Iris
Cress arugula peanut tigernut wattle seed kombu parsnip. Lotus root mung bean arugula tigernut horseradish endive yarrow gourd. Radicchio cress avocado garlic quandong collard greens.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment